วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิชา การสื่อสารข้อมูลทางธุรกิจและการจัดการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตอนเรียน A1

คำศัพท์เกี่ยวกับระบบเครือข่าย
Modem : Shot for modulator-demodulator is an electronic device that converts a computer's digital signals into specific frequencies to travel over telephone or cable television line. At the destination, the receiving modem modulator the frequecies back into digital data. Computer use modems to communicate with one another over a network.
Modem : อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์  ให้สามารถส่งสัญญาณผ่านสายโทรศัพท์ เพื่อติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ โมเดมจะมีทั้งชนิดเชื่อต่อภายนอก (External Modem) และชนิดที่เป็นการ์ดอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์


Online : The condition of being connected to a network of computer or other devices. The term is frequently used to describe someone who is currently connected to the internet. Deprecated spellings are on-line
Online : การเชื่อมต่อโมเด็มหรือเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจใช้ตัวกลางในการส่งข่าวสารเป็นแบบมีสายหรือไร้สายก็ได้

Skype  
     คือ software สำหรับใช้งานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ส่งไฟล์ข้อมูล chat ประชุมพร้อมกัน 5 คน และอื่น ๆ อีกมากมาย
        โปรแกรม skype เป็นโปรแกรมที่ใช้เทคโนโลยี VOIP หรือ Voice Over IP ซึ่งเป็นการพูดคุยในลักษณะของการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และยังสามารถพูดไปเห็นหน้าไปได้อีกด้วย
ความต้องการขั้นต่ำของระบบการติดตั้ง
- Window XP หรือ Window 2000
- 400 MHz processer CPU
- RAM 128 MB
- พื้นที่ว่างใน Hardisk 15 MB
- การ์ดเสียง,ลำโพง,ไมโครโฟนและกล้อง webcam
- การเชื่อมต่อทางระบบอินเตอร์เน็ต

Topology  
      เป็นลักษณะทางกายภาพของระบบเครือข่าย ซึ่งหมายถึงลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ภายในเครือข่ายด้วยกันเอง topology ของเครือข่าย LAN แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันออกไป รูปแบบของ topology ของเครือข่ายมีดังต่อไปนี้
          1. Topology แบบบัส(BUS) เป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่านสายสัญญาณแกนหลักที่เรียกว่า BUS หรือ Backbone คือสายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลักใช้เป็นทางเดินของทุกเครื่องในระบบเครือข่ายและมีสายแยกย่อยกันออกไปในแต่ละจุด
          2. topology แบบวงแหวน (RING) เป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิว เตอร์ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย ทั้งที่เป็นผู้ให้บริการ(Server) และผู้ขอใช้บริการ (Client) ทุกเครื่องจะถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารที่ส่งระหว่างกัน จะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปในททิศทางเดียวกัน
          3. Topology แบบดาว (STAR) เป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางที่เรียกว่า HUB ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาณที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมด

อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
"เน็ตเวิร์คการ์ด"
          เน็ตเวิร์คการ์ด เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย ส่วนใหญ่เรียกว่า NIC (Network Interface Card) หรือ LAN Card อุปกรณ์เหล่านี้จะทำการแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณที่สามารถส่งออกไปตามสายสัญญาณให้ส่งไปตามสายสัญญาณหรือสื่อแบบอื่นก็ได้ ปัจจุบันมีการแบ่งการ์ดออกเป็นหลายประเภท ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้กับเครือข่ายแบบต่าง ๆ เช่น อีเธอร์เน็ตการ์ด โทเคนการ์ด เป็นต้น
          เน็ตเวิร์คการ์ดจะติดตั้งอยู่กับคอมพิวเตอร์ โดยเต้าเสียบเข้ากับช่องบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ส่วนมากคอมพิวเตอร์ที่ผลิตอยู่ในปัจจุบันจะมีเฉพาะช่อง PCI ซึ่งใช้บัสที่มีขนาด 32 บิต

มาตรฐาน IEEE 802.3
          เป็นมาตรฐานที่ออกมาสำหรับระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณแบบ CSMA/CD ต้นกำเนิดของมาตรฐานนี้มาจากระบบอะโลฮ่า (Aloha) ซึ่งได้รับการเพิ่มขีดความสามารถโดยบริษัท Xerox ได้รับการตั้งชื่อว่า "อีเธอร์เน็ต (Ethernet) "
          บริษัท Xerox,DEC ( Digtal Equipment Corporation, Ltd.) และ inter Crop ได้ร่วมกำหนดมาตรฐานสำหรับอีเธอร์เน็ตที่ความเร็ว 10 Mbps ซึ่งเป็นพื้นฐานของ 802.3 ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ มาตรฐาน IEEE 802.3 ได้กำหนดไว้สำหรับการสื่อสารแบบ CSMA/CD ทำงานที่ความเร็ว 1-10 Mbps บนสายสื่อสารชนิดต่าง ๆ เช่น กำหนดค่าตัวแปรไว้สำหรับสื่อสารทีความเร็ว 10 Mbps บนสายโคแอ็กซ์ (Coaxail) ขนาด 50 โอห์มเท่านั้น ค่าตัวแปรสำหรับตัวเลือกอื่น ๆ ได้รับการกำหนดเพิ่มเติมในภายหลัง

มาตรฐาน IEEE 802.5
          เป็นระบบเครือข่ายวงแหวนได้รับการพัฒนาขึ้นมาใช้งานทั้งในระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณและระบบเครือข่ายวงกว้าง สายสื่อสารอาจเป็นแบบธรรมดา เช่น สายคู่ตีเกลียว สายโคแอกซ์ หรือสายใยแก้วก็ได้ สัญญาณที่ใช้ในระบบนี้อาจเป็นดิจิตอลหรืออนาล็อคก็ได้ IEEE จึงออกมาตรฐานรับรอง โดยกำหนดหมายเลขเป็น 802.5 ข้อพิจารณาหลักของระบบเครือข่ายวงแหวนคือ การกำหนดระยะเวลาหรือความยาวของการส่งสัญญาณแต่ละบิต

มาตรฐาน IEEE 802.11
           เป็นมาตรฐานของการรับส่งข้อมูล โดยอาศัยคลื่นความถี่ ตัวอย่างของการใช้งาน เช่น Wirless Lan หรือ Wi-Fi และอีกทั้งยังถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ดังนี้
          มาตรฐาน IEEE 802.11a เป็นมาตรฐานแรกที่ได้รับการประกาศออกมา โดยอาศัยการส่งข้อมูลในช่วงคลื่น 5 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่สูง ทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงตามไปด้วย โดยมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ 54 Mbps แต่ในช่วงแรกบางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้งาน เนื่องจากคลื่นความถี่ 5 GHz นั้น ไม่ใช่ความถี่สาธารณะจำเป็นต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน
          มาตรฐาน IEEE 802.11b เป็นมาตรฐานที่ออกมาพร้อม ๆ กับ 802.11a เพียงแต่ใช้คลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่า จึงทำให้มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลช้ากว่า โดยมรความมสามารถในการรับส่งข้อมูลที่สูงที่สุดที่ 11 Mbps เท่านั้น แต่เนื่องจากคลื่นความถี่ 2.4 เป็นคลื่นความถี่สาธารณะ จึงสามารถนำไปใช้งานได้ในทุก ๆ ประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อน แต่เนื่องจากเป็นคลื่นความถี่สาธารณะ ดังนั้นอุปกรณ์ไร้สายอื่น ๆ ที่ใช้คลื่นความถี่เช่นเดียวกันจึงทำให้เกิดสัญญาณรบกวนกันได้ง่ายมาก ทำให้ประสิทธิภาพของมาตรฐานนี้ลดทอนด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อม
          มาตรฐาน IEEE 802.11g เป็นมาตรฐานที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจาก 802.11b โดยยังคงใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz แต่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 54 Mbps หรือเท่ากับมาตรฐาน 802.11a เพียงแต่ว่าความถี่ 2.4 GHz ยังคงเป็นคลื่นความถี่สาธารณะอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นจึงยังมีปัญหาเรื่องของสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นความถี่เดียวกันอยู่
          มาตรฐาน IEEE 802.11n มาตรฐานนี้ยังไม่ถือว่าเป็นมาตรฐานจริง ๆ เนื่องจากยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะยังคงอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนา ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วยการใช้เทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้สูงขึ้น โดยจะมีความเร็วอยู่ที่ 300 Mbps นอกจากนี้ยังมีระยะพื้นที่ให้บริการกว้างขึ้น โดยเทคโนโลยีที่ 802.11n นำมาใช้ก็คือเทคโนโลยี MIMO ซึ่งเป็นการรับส่งข้อมูลจากเสาสัญญาณหลาย ๆ ต้นพร้อม ๆ กันทำให้ได้ความเร็วสูงมากขึ้น และยังใช้คลื่นความถี่แบบ Dual Brand คือทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz ซึ่งทำให้บางประเทศทียังไม่ได้ให้ใช้เครือข่ายไร้สายมาตรฐาน 802.11n อาจมีปัญหากับการใช้งานเครือข่ายไร้สายมาตรฐาน 802.11n ได้
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น